หน้าเว็บ

A Little House Shop

A Little House Shop
ร้านเสื้อผ้าเด็ก มีให้เลือกหลายเลยจร้า รับประกันคุณภาพทุกชิ้นจร้า แวะชมสินค้าได้นะค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2556

เมื่อลูกน้อยไม่สบาย



เมื่อลูกน้อย...ไม่สบาย

คงไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากให้ลูกน้อยเจ็บป่วย หรือไม่สบาย แต่บางครั้งการเจ็บป่วย ก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นหากลูกน้อยไม่สบาย คุณพ่อคุณแม่ควรจะเฝ้าสังเกตอาการ เพราะเด็กอ่อนไม่สามารถบอกอาการให้เราทราบได้ เมื่อลูกน้อยไม่สบายให้คุณพ่อคุณแม่ปฏิบัติดังนี้ค่ะ


SEE A DOCTOR!

เมื่อสังเกตว่าลูกน้อยมีอาการเหล่านี้ ให้นำไปพบแพทย์ เพื่อวินิจฉัยดูว่าลูกน้อยเป็นอะไร ดังนี้ค่ะ

 สะอื้นหรือร้องไห้ ไม่ยอมทานอาหาร

 สีหน้าซีดเซียว ซึม

 ต้องการอยู่ติดกับคุณแม่หรือคุณพ่อตลอดเวลา

 เจ็บคอ คอแดง มีผื่นขึ้นตามตัว


 ต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอ หรือขากรรไกรโต

 อาเจียน หรือท้องเสีย


SEE A DOCTOR NOW!!

หากลูกน้อยมีอาการเหล่านี้ ควรพาลูกไปพบแพทย์โดยด่วนค่ะ

 ลูกหายใจลำบาก หมดสติ หรือหยุดหายใจ

 ลูกมีอุณหภูมิต่ำกว่า 35 องศาเซลเซียส

 ลูกมีไข้สูงกว่า 39 องศาเซลเซียส หรือมากกว่า 38 องศาเซลเซียส เกิน 3 วัน หรือมีไข้สูงตลอดเวลา

 มีอาการชัก

 ลูกได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ มีอาการหน้ามืด คลื่นไส้ หรืออาเจียน

 ลูกมีอาการอาเจียนต่อเนื่องมามากกว่า 6 ชั่วโมง และรุนแรง

 ลูกมีอาการไม่อยากอาหาร หรือไม่ทานอาหารผิดวิสัยปกติ

 ซึมผิดปกติ หงุดหงิดง่าย

 มีจุดเลือดออก หรือผื่นแดงคล้ำ

 มีการพลัดตก และหมดสติ







เมื่อคุณพ่อคุณแม่รู้ว่าลูกน้อยมีอาการป่วย และต้องการการรักษา เราต้องรีบพาลูกไปโรงพยาบาลให้ถึงมือหมอให้เร็วที่สุด แต่การตรวจสอบอาการป่วยเบื้องต้นของลูกน้อย ก็เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้แพทย์ผู้รักษาได้ทราบข้อมูลที่อาจจำเป็นต่อการรักษาลูกน้อย ซึ่งวิธีตรวจสอบอาการป่วยเบื้องต้นของลูกน้อยมีดังนี้ค่ะ


ตรวจสอบอุณหภูมิร่างกายของลูกน้อย

คุณพ่อคุณแม่สามารถวัดอุณหภูมิร่างกายลูกน้อยได้ด้วยเทอร์โมมิเตอร์ และวัดอุณหภูมิซ้ำอีกครั้งหลังจากวัดครั้งแรกประมาณ 20 นาที โดยปกติเด็กจะมีอุณหภูมิร่างกายที่ 36-37 องศาเซลเซียสถ้าลูกมีอุณหภูมิร่างกายเกิน 37.7 องศาเซลเซียสขึ้นไป แสดงว่าลูกน้อยของคุณพ่อคุณแม่มีไข้แล้วค่ะ


ตรวจการตอบสนองของลูกน้อย

1. ลองพูดกับลูก ดูว่าเขามีการหันมาสบตาคุณพ่อคุณแม่หรือไม่ หรือเขาตอบสนองต่อเสียงของคุณพ่อคุณแม่หรือไม เช่น การที่เขาหันหน้ามาหาตามเสียงเรียกลูกน้อยดูสับสน หรือไม่มีการตอบสนองใดๆ เลย

2. ลูกขยับตัวไหม โดยแตะที่เท้าของลูกเบาๆ ก็ทำให้คุณพ่อคุณแม่สามารถทราบได้ว่า ลูกมีการตอบสนองต่อการสัมผัสหรือไม่


ตรวจอัตราการหายใจของลูกน้อย

อายุ
อัตราการเต้นของหัวใจ ครั้ง/นาที
น้อยกว่า 2 เดือน
50-60 (หรือน้อยกว่า)
2-12 เดือน
40-50 (หรือน้อยกว่า
1-2 ปี
30 (หรือน้อยกว่า)


ตรวจสอบชีพจรของลูกน้อย

คุณพ่อคุณแม่สามารถใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางนับชีพจรของลูกน้อยได้โดยใช้เวลาเพียง 15 วินาที แล้วจึงนำค่าที่ได้มาคูณ 4 ก็จะได้ค่าชีพจรของลูกน้อยต่อนาทีค่ะ


อายุ
อัตราการเต้นของหัวใจ ครั้ง/นาที
น้อยกว่า 2 เดือน
100-160
มากกว่า 1 ปี
100-120


แหล่งที่มา นิตยสาร First Year of Life 

การเลือกไซส์เสื้อผ้าเด็ก..ออนไลน์

  การเลือกไซส์เสื้อผ้าเด็กออนไลน์
การเลือกไซส์เสื้อผ้าเด็ก..ออนไลน์



    การเลือกซื้อเสื้อผ้าให้เด็กๆ แม้จะไม่ได้พาลูกๆ เข้าไปเลือกซื้อในร้าน 
แต่การได้เดินเข้าไปจับต้องไปเลือกดูใช้สายตาคาดคะเน ทำให้สามารถ กะไซส์ได้ว่า
ชุดไหนใหญ่ไปหรือเล็กไปขนาดไหนน่าจะใส่ได้พอดี
    แต่สำหรับการเลือกซื้อเสื้อผ้าทางเน็ต เซ้นส์ในการคาดคะเนคงต้องปิดสวิทซ์ลงทันที แล้วอย่างนี้จะใช้เกณฑ์อะไรมาช่วยในการตัดสินใจลองติดตามอ่านกันนะคะ

ไซส์ป้าย
     คือเกณฑ์การตัดสินใจอันดับแรก จะอย่างไรเสียไซส์ป้ายที่คอเสื้อก็ย่อมสัมพันธ์กับขนาด  เสื้อผ้า แม้จะไม่แม่นยำ 100% แต่ก็เป็นตัวช่วยประกอบการพิจารณาเลือกซื้อเสื้อผ้าออนไลน์  ได้เป็นอย่างดี เช่น ถ้าคุณแม่มีลูกอายุ 3 ขวบกว่า ๆ ไซส์ที่เลือกก็จะเป็นไซส์ป้าย 4      ขวบ(ไซส์ยุโรป) หรือ ไซส์110 (ไซส์เอเชีย) แต่ไซส์ป้ายเพียงอย่างเดียวคงยังไม่พอ

โอกาสคลาดเคลื่อนของไซส์ป้าย
      มาตราฐานไซส์แม้จะบ่งบอกว่าเป็นไซส์เดียวกัน เช่น 3T(3ขวบ)เป็นเสื้อผ้าประเภท  เดียวกัน สมมุติว่าเป็นเสื้อยืด ไม่จำเป็นว่าขนาดรอบอก จะมีขนาดเป็นมาตราฐานเดียวกันทุก  ยี่ห้อ ทุกแบรนด์ เช่น เสื้อยืดบางแบรนด์เน้นดีไซน์สวมใส่ที่พอดีตัวเป็นเอกลักษณ์โดดเด่น  ของแบรนด์นั้นๆ รอบอกก็จะเล็กกว่าแบรนด์ที่เน้นใส่สบายๆ หลวมๆ หรือแบรนด์ที่มีสาขาทั่ว  โลกผลิตเพื่อส่งไปขายในช้อปแต่ล่ะประเทศกลุ่มลูกค้าเด็กที่มีอยู่ทั้งในยุโรป เอเชีย อเมริกา  ขนาดเสื้อผ้าก็จะมีขนาดใหญ่กว่าแบรนด์ที่เน้นจำหน่ายแต่โซนเอชีย ดังนั้นการเลือกซื้อ  เสื้อผ้าทางเน็ตโดยพิจารณาจากไซส์ป้ายอย่างเดียวโอกาสคลาดเคลื่อนซื้อไปแล้วใหญ่ไป  หรือเล็กไปย่อมเกิดขึ้นได้ค่ะ บทความในตอนต่อไปจะแนะนำแนวทางในการนำน้ำหนัก-ส่วน  สูงเข้ามาประกอบการพิจารณาค่ะ


ทำความรู้จักกับไซส์ป้ายแบบต่างๆ
โดยรวมๆ แล้วจะแบ่งเป็นเป็น 4 กลุ่ม
ไซส์ป้ายที่บอกเป็นอายุ: 
  โดยส่วนใหญ่เสื้อผ้าเด็กที่บอกไซส์เป็นอายุจะเป็นเสื้อผ้าเด็กแบรนด์เนมทางฝั่งยุโรป อเมริกาเป็นหลักค่ะ ยกตัวอย่างของ Gymboreeจะบอกเป็นตัวเลขเดี่ยวๆ เช่น 3,4,5,6,7,8,9,10,11,12 ซึ่งเลข 3 หมายถึงอายุช่วง 3-4 ขวบ หรือแบรนด์ H&M ,Zara ที่บอกเป็นช่วงอายุ เช่น 3-4,4-5,5-6 ขวบ เป็นต้น

 ไซส์บอกเป็นตัวเลขส่วนสูง: 
   ไซส์ตัวเลขส่วนสูงส่วนใหญ่จะเป็นแบรนด์เสื้อผ้าเด็กในแถบเอเชียและยุโรปที่ใช้กันไม่ว่า  จะเป็น จีน เกาหลี ญี่ปุ่น หรือแม้แต่ประเทศไทย (จะใช้กับเสื้อผ้าเด็กอ่อน) โดยไซส์จะเริ่ม  จากเด็กอ่อนตั้งแต่ 50 / 60 /70 /80 / 90 เพิ่มขึ้นทีล่ะ 10 (ซม.) ไปถึง 150 เลยเดียวค่ะ    สำหรับความหมายของตัวเลข เช่น 60 ก็จะเหมาะกับเด็กที่มีส่วนสูงในช่วง 55-65 ซม. ค่ะ ดู  เพิ่มเติมสำหรับไซส์เสื้อผ้าเด็กอ่อนนะคะ
 ไซส์ตัวเลขเดี่ยวๆ: เช่น 5-7-9-11-13 ไซส์เลขคี่จะเป็นไซส์ในแถบเอเชียเช่นกันค่ะ
 ไซส์แบบอื่น: เช่น S , M , L , XL หรือ ไซส์เลขคู่ กลุ่มนี้จะเป็นส่วนน้อยและเชื่อมโยงไป  หาอายุค่อนข้างลำบากค่ะ



*** สำหรับไซส์ป้ายที่บอกเป็นไซส์เอเชียหากคุณแม่ต้องการทราบไซส์เป็นอายุ สามารถแปลงย้อนกลับไปหาตัวเลขอายุคอลัมแรกในตารางด้านบนได้เลยค่ะ เช่นไซส์ 11 หรือ ไซส์ 120 ก็โยงไปด้านซ้ายมือหาช่วงอายุคือ 5 ขวบค่ะ แต่ถึงแม้จะแปลงกลับไปเป็นอายุได้แล้ว ในเรื่องความแม่นยำก็ยังจำเป็นที่จะต้องใช้ข้อมูลอื่นประกอบการตัดสินใจนะคะ บทความตอนหน้าจะกล่าวถึง น้ำหนัก-ส่วนสูง ที่สัมพันธํกับอายุเพื่อนำมาประกอบการเลือกไซส์ค่ะ

บทความโดย A Little House Shopwww.alittlehouseshop.com)อ้างอิงแหล่งที่มาโดยร้านคิดส์ดี ห้ามดัดแปลง อนุญาติให้นำบทความไปเผยแพร่ได้ค่ะ-แต่ห้ามดัดแปลง-ขอบพระคุณหากท่านทำลิงค์กลับมายังหน้าบทความหรือหน้าเว็บไซต์ค่ะ